รัฐบาลทรัมป์ยก Stablecoin เป็น 'ยุทธศาสตร์แห่งชาติ' ชี้ปลดล็อกเงิน 'ล้านล้าน' หนุนดีมานด์พันธบัตร

Tech & Innovation

Digital Assets

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

รัฐบาลทรัมป์ยก Stablecoin เป็น 'ยุทธศาสตร์แห่งชาติ' ชี้ปลดล็อกเงิน 'ล้านล้าน' หนุนดีมานด์พันธบัตร

Date Time: 23 พ.ค. 2568 18:20 น.

Video

ไม่กลัวเศรษฐกิจโลกล่มสลาย เพราะมี Bitcoin ผู้เขียน The Bitcoin Standard | Thairatrh Money Talk EP.22

Summary

  • รัฐบาลทรัมป์หนุนร่างกฎหมาย Stablecoin สู่ "ยุทธศาสตร์แห่งชาติ" เชื่อจะมีส่วนสำคัญในระบบชำระเงินรูปแบบใหม่และจะกระตุ้นดีมานด์มหาศาลให้กับพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯ สร้างเม็ดเงินเพิ่มในระดับ “ล้านล้านดอลลาร์” ด้านผู้เชี่ยวชาญสายคริปโตฯ มองบวก เชื่อจะเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสถาบันทั่วโลกให้ความมั่นใจและเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

เดวิด แซคส์ (David Sacks) ที่ปรึกษาด้านคริปโตและ AI คนสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับรายการ Closing Bell Overtime ทาง CNBC ว่ารัฐบาลกำลัง หนุนร่างกฎหมาย Stablecoin ให้เป็นยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจแห่งชาติ โดยเชื่อจะมีส่วนสำคัญในระบบชำระเงินรูปแบบใหม่  และจะกระตุ้นดีมานด์มหาศาลให้กับพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯ 

ร่างกฎหมาย "GENIUS Act" ซึ่งย่อมาจาก Giving Essential National Infrastructure Using Stablecoins ถูกเสนอเข้าสภาเมื่อต้นปี 2025 ท่ามกลางความตื่นตัวของรัฐบาลทรัมป์ที่ต้องการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจใหม่โดยใช้คริปโตฯ และเทคโนโลยีการเงินเป็นหัวหอก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ต้องการแรงหนุน แม้จะเผชิญแรงต้านจากพรรคเดโมแครตในช่วงแรก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนของครอบครัวทรัมป์ที่มีทั้ง Memecoin และโครงการ Stablecoin ของตัวเองที่ชื่อ “USD1” ในฐานะผู้สนับสนุนทางการเงินของ World Liberty Financial โดยเหรียญดังกล่าวมีหลักประกันเป็นพันธบัตรรัฐบาลและเงินฝากดอลลาร์

อย่างไรก็ตามกระแสของร่างกฎหมายเปลี่ยนไปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ตลาดคริปโตฯ ฟื้นตัวแรง โดยเฉพาะราคาบิทคอยน์ที่สร้างสถิติใหม่ แตะระดับเกือบ 110,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยล่าสุดร่าง GENIUS Act เพิ่งผ่านการโหวตขั้นตอนสำคัญในวุฒิสภาเป็นที่เสร็จสิ้น โดยมีสมาชิกจากพรรคเดโมแครตถึง 15 คนลงคะแนนสนับสนุน ช่วยให้สามารถผ่านด่านการยับยั้งหรือฟิลลิบัสเตอร์ได้

แซคส์ ระบุว่า ร่างกฎหมาย Stablecoin จะได้รับเสียงสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากทั้งสองพรรค โดยเขาเชื่อว่าร่างกฎหมายนี้ไม่ได้เป็นเพียงก้าวสำคัญของวงการคริปโตฯ แต่ยังเป็น “ยุทธศาสตร์แห่งชาติ” โดย Stablecoin จะเป็นระบบชำระเงินแบบใหม่สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า และในขณะเดียวกันยังช่วยขยายอิทธิพลของเงินดอลลาร์ในโลกดิจิทัล พร้อมทั้งกระตุ้นความต้องการในพันธบัตรของสหรัฐฯ ได้ในเวลาอันรวดเร็ว

“ตอนนี้เรามี Stablecoin ในระบบมูลค่ากว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังไม่มีกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจน หากเราจัดให้มีความชัดเจนทางกฎหมาย Stablecoin จะสร้างเม็ดเงินเพิ่มในระดับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ” แซคส์ กล่าวเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามไม่ได้ตอบคำถามเรื่องความกังวลจากพรรคเดโมแครตถึงการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างเพียงพอในกรณีที่ประธานาธิบดีและครอบครัวจะได้รับประโยชน์จากกฎหมายนี้

สายคริปโตฯ มองบวก หลัง GENIUS Act ผ่านวุฒิสภา

ในประเด็นดังกล่าว ธนวัต สุตันติวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิทาซซ่า จำกัด โบรกเกอร์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในประเทศไทย มองว่า การที่สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายรองรับ Stablecoin อย่างเป็นทางการจะเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสถาบันทั่วโลกให้ความมั่นใจและเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

"การที่ราคา Bitcoin สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าส่วนหนึ่งมาจากความคาดหวังต่อกฎหมาย GENIUS Act ที่จะเปิดช่องทางให้นักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนใน Bitcoin และ Stablecoin มากขึ้น นอกจากนี้ความชัดเจนทางกฎหมายไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในสหรัฐฯ เท่านั้น เขตปกครองพิเศษฮ่องกงและดูไบก็ได้ออกกฎหมายรองรับการใช้งาน Stablecoin เพื่อการชำระเงินเช่นกัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกหนุนตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว” ธนวัต ระบุ

ทั้งนี้ข้อมูลจาก Deutsche Bank ชี้ว่า การทำธุรกรรมผ่าน Stablecoin ในปี 2024 มีมูลค่ารวมกว่า 28 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแซงหน้าบัตรเครดิตรายใหญ่อย่าง Mastercard และ Visa รวมกันและขณะเดียวกันที่ข้อมูลล่าสุดจาก CitiGroup ได้คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาด Stablecoin ทั่วโลกจะเพิ่มจากปัจจุบัน 240,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 สอดคล้องกับการคาดการณ์ของเดวิด แซคส์ ที่มองว่า Stablecoin จะสร้างเม็ดเงินในระดับ "ล้านล้านดอลลาร์" ให้กับสหรัฐฯ

โดยปัจจุบัน Tether ผู้สร้างเหรียญ USDT ครองส่วนแบ่งตลาด Stablecoin มากกว่า 60% และเป็นหนึ่งในเหรียญที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคาร Cantor Fitzgerald ในสหรัฐฯ โดยเพิ่งทำลายสถิติมูลค่าตลาดแตะระดับ 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก ซึ่งเติบโตกว่า 36% ในรอบปีที่ผ่านมา โดยเร่งตัวขึ้นนับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี

"Stablecoin ถือเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระบบการเงินแบบดั้งเดิมเข้าสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะนักลงทุนต่างต้องใช้งาน Stablecoin ในการซื้อขาย โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันที่ต้องการสื่อกลางที่เชื่อถือได้และมีกฎหมายรับรอง" ธนวัต กล่าวทิ้งท้าย

อ่านเพิ่มเติม 

อ้างอิงข้อมูล CNBC 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ


OSZAR »