แพลตฟอร์มเทรดคริปโตฯ ใหญ่สุดในอิหร่านถูกแฮกเสียหาย 90 ล้าน แฮกเกอร์อิสราเอลอ้างปล้นเอาไปเผาทิ้ง

Nobitex แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในอิหร่าน ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ 19 มิถุนายน 2025 ระบุว่า บริษัทถูกแฮกเกอร์โจมตีระบบและถูกถอนเงินออกจาก “Hot Wallet” ซึ่งเป็นกระเป๋าเก็บคริปโตฯ ที่เชื่อมต่อออนไลน์และใช้สำหรับทำธุรกรรมทั่วไป โดยในแถลงการณ์บนเว็บไซต์ระบุว่า Nobitex ตรวจพบการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต และกำลังอยู่ในระหว่างสอบสวนเหตุการณ์นี้อย่างเร่งด่วน

บริษัทเสริมว่าทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของ Nobitex จะไม่สามารถใช้งานได้ในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมและเพื่อเสริมความปลอดภัยให้กับโครงสร้างพื้นฐาน

จากการตรวจสอบบนระบบบล็อกเชน พบว่าแฮกเกอร์ได้ถอนเงินออกจาก Nobitex ไปอย่างน้อย 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านหลายรายการธุรกรรม โดยบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Elliptic ระบุว่า แฮกเกอร์ได้ทำการ “เผาเหรียญ” หรือ “Burn” เหรียญเหล่านั้นด้วยการส่งไปยังกระเป๋าที่ไม่สามารถเข้าถึงได้อีกต่อไป เท่ากับว่าสินทรัพย์เหล่านี้ได้หายไปจากระบบตลอดกาล

Nobitex ถือเป็นผู้ให้บริการคริปโตฯ ที่มีบทบาทสำคัญในอิหร่าน ด้วยฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านราย ตามข้อมูลจากสำเนาเว็บไซต์ที่ถูกเก็บไว้ก่อนหน้านี้

สงครามตัวแทน ปะทะทางไซเบอร์

ผู้ที่ออกมาอ้างตัวว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้คือกลุ่มแฮกเกอร์สายอิสราเอลชื่อว่า “Predatory Sparrow” หรือที่รู้จักในภาษาเปอร์เซียว่า “Gonjeshke Darande” โดยในโพสต์บนแพลตฟอร์ม X กลุ่มนี้ระบุว่า การโจมตี Nobitex เป็นการตอบโต้ที่ Nobitex ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายแก่รัฐบาลอิหร่าน และพยายามหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติ

ซึ่งก่อนหน้านั้นเพียงหนึ่งวัน กลุ่มแฮกเกอร์กลุ่มเดียวกันยังอ้างว่าเป็นผู้ที่เข้าโจมตี Bank Sepah ธนาคารรายใหญ่ของอิหร่าน ซึ่งส่งผลให้เครื่อง ATM หลายจุดทั่วประเทศใช้งานไม่ได้ เกิดความโกลาหลด้านการเงินในระดับประเทศ

เหตุการณ์การโจมตีโจรกรรมคริปโตฯ ครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่อิหร่านและอิสราเอลกำลังตอบโต้กันด้วยอาวุธจริงในเมืองต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศ ทำให้ภัยคุกคามไซเบอร์กลายเป็นอีกสมรภูมิหนึ่งที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน โดย Predatory Sparrow ถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทในโลกไซเบอร์มาตั้งแต่ปี 2021 และมักจะมุ่งเป้าโจมตีไปที่องค์กรภาครัฐและโครงสร้างพื้นฐานของอิหร่านด้วยวิธีการที่รุนแรง

แม้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันแน่ชัดว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มนี้ แต่จากท่าทีและรูปแบบการปฏิบัติการในอดีต ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มนี้มีแนวโน้มสอดคล้องกับผลประโยชน์ของฝั่งอิสราเอล

ด้านสื่อของอิหร่านอย่าง IRIB รายงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า อิสราเอลได้ “เปิดฉากสงครามไซเบอร์ขนาดใหญ่ต่อโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของอิหร่าน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามบั่นทอนระบบการให้บริการของรัฐในช่วงสงคราม

ที่มา: TechCrunch

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney