จากกระแสข่าวการเมืองที่ร้อนระอุ ว่า “พรรคภูมิใจไทย” พรรคใหญ่อันดับสองฝั่งรัฐบาล จะย้าย สส.ทั้งหมด 69 คนไปเป็นฝ่ายค้าน หากมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) สูตร 2 แลก 1 คือเพื่อไทย เสนอ สาธารณสุข + พาณิชย์ แลก มหาดไทย ของภูมิใจไทย

ล่าสุดวันนี้ (17 มิถุนายน 2568) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยเรื่องปรับ ครม.กับพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่าถ้าปรับพรรคภูมิใจไทยออกแล้วจะขอไปเป็นฝ่ายค้านนั้น นางสาวแพทองธารย้ำว่าไม่มี 

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบคำถามถึงกระแสการปรับ ครม.ว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี บอกไม่มีแล้วใครจะมี

“พวกเราคือคนคุ้นเคยที่ท่านเชิญไปที่พรรคเพื่อไทยดื่มช็อกมิ้นต์ MOU ไม่จำเป็น เพราะความเข้าใจ ความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันสำคัญกว่า หากไม่เป็นไปตามข้อตกลงอีกหน่อยคงตั้งรัฐบาลลำบาก เพราะต้องมานั่งเขียนสัญญากัน คราวนี้ยุ่งตายเลย”

เมื่อถามย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยพร้อมจะเป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ หากไม่ได้เก้าอี้กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน จึงตอบว่า “ย้ำครับ ใช่ครับ เป็นไปตามข้อตกลงของการจัดตั้งรัฐบาล” (อ่าน : “อนุทิน” ย้ำหากถูกยึดมหาดไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้าน หากปรับครม.ต้องรื้อคุยใหม่ทั้งหมด)

...

อย่างไรก็ดี หาก ภูมิใจไทย ย้ายไปอยู่ฝ่ายค้านจริง จะทำให้รัฐบาลเหลือเสียง สส.อยู่ 256 คน ซึ่งมากกว่ากึ่งหนึ่ง (248 คน) ไม่มากนัก กลายเป็น “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” เสถียรภาพของรัฐบาลลดลง ต้องคอยประคับประคองเสียงของตนในสภาฯ ไม่ให้แพ้โหวตฝ่ายค้าน เฝ้าระวังสมาชิกของตนให้อยู่ในแนวทางเดียวกัน ไม่ให้เกิดปัญหา “งูเห่า”

อย่างไรก็ดีจำนวนนี้ยังไม่รวม สส. “งูเห่า” ที่โหวตสวนแนวทางพรรค จากฝั่งพรรคฝ่ายค้าน และพรรคฝ่ายค้านปัจจุบัน ที่อาจ “สลับขั้ว” เข้ารัฐบาลแทนที่ภูมิใจไทย

ขณะที่ตำแหน่งใน ครม.ที่ภูมิใจไทยมีอยู่ คือ รองนายกฯ 1 ตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการ 4 กระทรวง ได้แก่ มหาดไทย ศึกษาธิการ แรงงาน และ การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 4 ตำแหน่ง คือ มหาดไทย 2 ตำแหน่ง ศึกษาธิการ และพาณิชย์ ก็จะต้องถูกจัดสรรใหม่ด้วย