ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ การเมืองไทยยังคงยึดรูปแบบแบ่งแยกแล้ว ปกครองเพราะทำให้สามารถควบคุมดูแลได้ง่าย

ไม่ปล่อยให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้อำนาจเต็มๆ

เพราะมิฉะนั้นจะหันกลับมาขย้ำเจ้าของอำนาจได้

ก็เป็นสูตรตายตัวที่ใช้กันมานานและสามารถใช้ต่อไปได้อีกนาน เพราะเป็นสูตรมาตรฐานเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะปกครองแบบประชาธิปไตย

หรืออำนาจนิยม!

การเมืองไทยวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีใครใหญ่จริง เพราะคนใหญ่จริงใช้วิธีการแบบนี้คือ ปล่อยให้ทุกฝ่ายได้อำนาจ

แต่ไม่มีฝ่ายไหนได้อำนาจเหนือกว่ากัน

“ทักษิณ ชินวัตร” แม้จะมีอำนาจบารมี มากภายใต้เสื้อคลุม “แดง” แต่ก็ยังมีเสื้อคลุม “น้ำเงิน” ที่ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน

สถานการณ์ของรัฐบาล ณ เวลานี้ต้องพูดว่าอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยดีนัก แม้จะมีเสถียรภาพ แต่การบริหารก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก

พูดง่ายๆว่าไม่ต่างไปจาก “เป็ดง่อย”!

รัฐบาลแม้จะมีสองนายกรัฐมนตรีร่วมบริหารที่ใครๆก็อิจฉา แต่แทนที่จะดีกลับเกิดปัญหาอำนาจซ้อนอำนาจ

ที่สำคัญก็คือ พรรคร่วมรัฐบาลที่สนับสนุนทำให้เสถียรภาพมั่นคง แต่ในความมั่นคงกลับเกิดปัญหาขัดแย้งกันเอง

เป็น “แดง”-“น้ำเงิน” เพราะชิงอำนาจ กันเอง

“น้ำเงิน” นั้น แม้เสียงจะมีแค่ 89 เสียง แต่ก็มีกำลังภายในไม่ธรรมดา แถมมี สว.เสริมพลังอีกต่างหาก

“แดง” แม้จะเป็นแกนนำรัฐบาล แต่ก็ต้องอาศัยน้ำเงินเป็นพลังหนุน จะหักด้ามพร้าก็ไม่ได้ เพราะยังไม่พร้อมเลือกตั้งใหม่

อีกทั้งเสียงสนับสนุนก็เหลื่อมกันไม่มาก

ก็เลยเล่นบทตบจูบกันมาระยะหนึ่ง

ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรม เมื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เข้าโรงพยาบาล ก็เกิดปรากฏการณ์ทางการเมืองที่น่าสนใจไม่น้อย

...

มีกระเช้าดอกไม้ที่แสดงฐานะของคนไข้อย่างชัดเจนยิ่งว่า “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้าเยี่ยมและพูดคุยกันอย่างถูกคอจนพยาบาลต้องไล่กลับ

ทำให้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ต้องส่งอาหารกลางวันพิเศษไปให้

“อนุทิน-พีระพันธุ์” คุยกันนั้นมีนัยทางการเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะ 2 พรรคนี้บวกเสียงสนับสนุนไปไหนไปด้วยกัน

รัฐบาล “เพื่อไทย” ก็จอดไม่ต้องแจว

จึงไม่แปลกที่ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” มือทำงานของ “ทักษิณ” ต้องเร่งหาเสียงสนับสนุนรัฐบาลมือระวิง

ล่าสุดก็ไปคว้า “งูเห่า” จากพรรคประชาชนมาได้ 1 คน

ทำให้สามารถมีเสียงมาเพิ่มมากขึ้น แม้จะอยู่ต่างพรรคแต่ล่าสุดประกาศว่าน่าจะมีแล้ว 20 กว่าคน จาก “กล้าธรรม” ส่วนหนึ่ง และจากพรรคฝ่ายค้านอีกส่วนหนึ่ง

เอาเป็นว่าสถานการณ์เฉพาะหน้า ถ้า “ภูมิใจไทย”-“รวมไทยสร้างชาติ” จับมือกันลาออกไปก็ยังพอถูไถไปได้ระยะหนึ่งก่อนยุบสภา

ด้วยการใช้ประเด็นปรับ ครม.เอา “น้ำเงิน” ออก โดยมี “น้ำเงินเข้ม” ตามไปด้วย

นั่นคือการยึดกระทรวงสำคัญคืน

หากยอมก็อยู่กันต่อไป แต่ถ้าแข็งขืนก็ต้องออกไป

สูตรการเมืองจากนี้ไปน่าจะออกมาในรูปนี้

ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว!

“ลิขิต จงสกุล”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม