ลุ้นระทึกกันอีกรอบ

ห้วงที่ “อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร” และบรรดากองเชียร์ รู้ผลจากเอกสารข่าวผลประชุมศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ทีแรกก็น่าจะใจฟู รู้ว่าศาลฯ “ปัดตก” ไม่รับพิจารณาคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.ประชาธิปัตย์ ที่ยื่นขอให้ไต่สวนปมชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยศาลฯให้เหตุผล “ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่ใช่คู่ความในคดี”

ที่ไหนได้ อ่านเนื้อในคำแถลงจากศาลฯ ก็ต้องขวัญผวา

“แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อความปรากฏว่า อาจมีการบังคับตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลฯนี้ ศาลฯย่อมมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร”

หรือสรุป “เมื่อความปรากฏ” ศาลฯก็มีอำนาจหยิบปมนี้ “ไต่สวนเอง”

ไม่เท่านั้น ถอดรหัสตีความตามคำสั่ง ระบุชัดทั้งขั้นตอน กระบวนการ สรุปคือให้โจทก์ คืออัยการ ป.ป.ช. และจำเลยคือ “ทักษิณ” รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “การบังคับโทษจำคุก” ต้องส่งคำชี้แจง เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ศาลฯภายใน 30 วัน

มีฝ่ายที่อยู่ในข่ายต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ทั้ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ต้องเตรียมชี้แจงปมชั้น 14 รพ.ตำรวจ กันถ้วนหน้า

รวมทั้งศาลฯ “นัดพร้อม” หรือ “นัดไต่สวน” 13 มิ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.

ดีเดย์ระทึก ปมชั้น 14 หลอน “ทักษิณ” ปลดบ่วง หรือถูกสั่งเข้าคุก

แน่นอน กับคิวใหญ่จากคำแถลงของศาลฯรอบนี้ แม้ชัดเจนในเนื้อหาพอสมควร แต่ก็ยังมีการถอดรหัสตีความกันไปต่างๆนานา ทั้งที่เห็นด้วย กับการที่ศาลฯต้องไต่สวน “การบังคับโทษจำคุก” ของหน่วยงานต่างๆ ทั้งกรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และโรงพยาบาลตำรวจ

...

ว่าเป็นไปตามขั้นตอนและกฎหมาย ขออนุญาตศาลฯก่อนหรือไม่

ทั้งนี้เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์อำนาจศาลฯในการ “บริหารคดี” และตรวจสอบการใช้อำนาจ และหน้าที่การ “บริหารโทษ” ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แต่อีกทางก็ยังไม่วายมีการตั้งข้อสังเกตคัดง้าง ยกเรื่องการบริหารคดี-บริหารโทษ

อำนาจศาลฯ-อำนาจกรมราชทัณฑ์ ควรต้องแยกจากกัน

นั่นก็แปลข้อกฎหมายในทางวิชาการกันไป แต่ที่น่าสนใจคือการอ่านนัยทางการเมืองต่อเนื่องจากรายการใหญ่ประเทศไทยรอบนี้ ชัดเจนว่า “ทักษิณ” เผชิญกรรมเก่า อยู่บนเส้นทางวิบากไม่จบ

เพราะหลังเสร็จรอบนี้แล้ว ยังมีคิวตามมาติดๆ ต้นเดือน ก.ค.นี้ ปมคดีมาตรา 112 ศาลอาญาฯก็นัดไต่สวนนัดแรก ถึงมีคนสรุปภาพรวมสถานการณ์ของ “ทักษิณ” กลับประเทศไทยในรอบ 17 ปี เหมือนพยัคฆ์ติดปีก

แต่เวลานี้ปีกเริ่มหลวม ส่อปีกหลุด

แน่นอนผลสะเทือนต่อเนื่อง ย่อมไม่พ้น เสถียรภาพรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่ “ทักษิณ” คอยแบ็กอัปให้คำปรึกษา “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร บริหารประเทศอยู่ในเวลานี้

เมื่อผู้ครอบครองผยองเดชไม่ออก ต้องแบ่งเวลาไปหาทางชี้แจงเคลียร์ทางชนักคดีค้างเก่า

ลดทอนสมาธิ บทที่ปรึกษาให้ลูกสาว ทั้งการบ้าน การบริหารประเทศ และจัดการกลเกมการเมือง

กระทบทั้งแผนกู้เศรษฐกิจ เจรจาสู้กำแพงภาษีโหดของสหรัฐฯ รับสงครามการค้า ไปจนกระทั่งการบริหารจัดการอำนาจ ปรับ ครม. จะจัดหนักจัดเต็มกับค่ายภูมิใจไทย บี้ปมฮั้ว สว. ทลายเครือข่ายสีน้ำเงิน

อีกทั้งนโยบายเรือธง เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กาสิโน แก้หนี้ ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ฯลฯ

ทุกคิวงานจ่อชะงักงัน ต้องชะลอแผนกันถ้วนหน้า

อย่างต่ำๆก็ 1 เดือนถึงรู้ผล สุดท้ายเสือได้ติดปีกอีกครั้ง

หรือกลายเป็นพยัคฆ์เขี้ยวกร่อนและปีกหลุด

เป็นอีกจุดพลิกผัน ชี้ทิศทางอำนาจ รัฐบาลตระกูลชินฯ.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม