วันนี้ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ไปประชุม ครม.สัญจร ที่นครพนม ติดตามความก้าวหน้าแผนพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่บึงหนองหาร เยี่ยมศูนย์หัตถกรรมวัดธาตุประสิทธิ์ ติดตามการแก้ปัญหายาเสพติด ติดตามการค้าชายแดน ฯลฯ ท่ามกลางสงครามการค้าไทยสหรัฐฯ สินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านบาท ถูกทรัมป์เรียกเก็บภาษีนำเข้า 36% พ่อค้านักธุรกิจส่งออกเดือดร้อนนอนกันไม่หลับ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดจีดีพีไทยปีนี้ลงมาเหลือ 1.8% นายกรัฐมนตรีประเทศอื่นต่างสุมหัวหาทางแก้ปัญหา แต่นายกฯอิ๊งค์ของประเทศไทยเรากลับทำตัวสบายชิวมาก เดินสายไปเยี่ยมกัมพูชา เดินสายไปประชุม ครม.สัญจร

คนที่ทำงานหนักตอนนี้กลับเป็น คุณทักษิณ ชินวัตร พ่อนายกฯ

คุณทักษิณ เพิ่งขึ้นเหนือไปช่วยลูกพรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ที่กำลังหนาหูว่า ต้องแล้วแต่นายกฯ แต่พอนักข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับ ครม.ในส่วนของพรรคเพื่อไทยก่อน คุณทักษิณ ตอบทันทีเลยว่า “ไหนๆจะปรับก็ต้องปรับทีเดียว” นักข่าวก็ถามอีกว่า ถ้ามีการปรับ ครม.จะผลักให้ พรรคภูมิใจไทย ไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ คุณทักษิณ ตอบทันทีอีกว่า “ไม่มี ไม่เคยคิดจะให้ใครออกไปเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีความคิดตรงนั้น” ส่วนข่าวที่ว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้จะดึง พรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเสริมรัฐบาลด้วยหรือไม่ คุณทักษิณ ตอบว่า มีส่วนหนึ่งที่ไปคุยกับเพื่อนเขา เรายังไม่ได้คิดเรื่องที่จะดึงใครไม่ดึงใคร วันนี้รัฐบาลส่วนใหญ่มองว่า ที่มีอยู่ก็ดีอยู่แล้ว อาจจะปรับตำแหน่งมากกว่า

เรื่องการปรับ ครม. นายกฯ แพทองธาร ตอบไม่ได้ แต่คุณทักษิณตอบได้หมด

เมื่อได้ฟังคุณทักษิณตอบชัดเจนอย่างนี้แล้ว คงไม่ต้องไปถามนายกฯแพทองธารเรื่องการปรับ ครม.อีกแล้ว จะปรับใครเข้าปรับใครออก ก็หวังว่า คุณทักษิณจะคำนึงถึงความสามารถในการทำงานได้เป็นหลัก เพื่อให้บ้านเมืองดีขึ้นกว่านี้ แต่สงครามระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ก็ยังดำเนินต่อไป รัฐบาลเดียวกันแต่กระเป๋าตังคนละใบ กระทรวงก็แบ่งกันไปเรียบร้อยแล้วอยู่แบบ “ตัวใครตัวมัน-ผลประโยชน์ใครผลประโยชน์มัน” จนกว่าจะถึงวันแตกหัก แต่ที่เสียหายคืออนาคตประเทศไทยและฐานะทางเศรษฐกิจของคนไทย 65 ล้านคน รัฐบาลไม่ได้อยู่เพื่อร่วมมือกันพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญขึ้น แต่อยู่เพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ของตัวเอง

...

ประโยคที่คุณทักษิณไปหาเสียงที่เชียงใหม่เลียนแบบประธานาธิบดีทรัมป์ ว่าจะทำให้ประเทศไทยกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง Make Thailand Great Again ก็คงทำได้แค่หาเสียงขำๆ

แม้รัฐบาลเพื่อไทยจะหาเสียงกรอกหูประชาชนว่า จะทำให้จีดีพีปี 2567 เติบโต 3% ปี 2568 เติบโต 3.5% ปีหน้าเติบโต 5% แต่จีดีพีปี 2567 ที่ออกมาจริงเติบโตเพียง 2.5% จีดีพีปี 2568 รัฐบาลคุยว่าจะเติบโต 3% ไอเอ็มเอฟปรับเหลือ 1.8% ปี 2569 รัฐบาลคุยว่าจะเติบโต 5% ไอเอ็มเอฟปรับเหลือ 1.6% ทำให้ไทยมีจีดีพีต่ำที่สุดในกลุ่มอาเซียน 5 ถือเป็นความล้มเหลวของรัฐบาลนายกฯแพทองธาร รัฐบาลที่มีแต่ “รัฐมนตรีไม้ประดับ” มากกว่ารัฐมนตรีที่ทำงานเป็น แม้แต่ สส.ในพรรคเพื่อไทยก็ยังออกมาขับไล่อยากให้ปลดรัฐมนตรีหลายคนของพรรค แต่ยังไม่มีใครกล้าเสนอให้ปลดนายกฯแพทองธาร

การผลักดันให้คุณแพทองธาร ซึ่งไม่ใช่มืออาชีพ ไม่มีประสบการณ์บริหารองค์กรขนาดใหญ่ ให้มาเป็นนายกฯ บริหารประเทศ ถือว่าไม่แฟร์กับประเทศชาติ ขนาดบริษัทส่วนตัวของเครือชินวัตรเอง ก็ยังใช้ “มืออาชีพ” บริหารเกือบทุกบริษัท

ถ้าจะปรับใหญ่ ครม. พรรคเพื่อไทยก็ควรจะปรับเปลี่ยนตัวนายกฯแพทองธารด้วย เอามืออาชีพเข้ามาบริหารประเทศประเทศ ไทยในยามวิกฤติเช่นนี้ เราต้องการมืออาชีพจริงๆครับ แล้วให้นายกฯอิ๊งค์ ฝึกงานไปอีกสักสมัยสองสมัยก็ยังไม่สายครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม