ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้เศรษฐกิจชี้ขาดความเป็นไปของรัฐบาลที่กำลังเจอปัญหารอบด้าน เนื่องจากแย่อยู่แล้ว

ก็แย่หนักเข้าไปอีก

แผ่นดินไหวศูนย์กลางอยู่ที่เมียนมาก็จริง แต่ไทยก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย แม้จะไม่หนักหนาเท่าใด

แต่ก็มีผลด้านความเชื่อมั่นอย่างแยกไม่ออก!

“ท่องเที่ยว” ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญย่อมได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากไม่แน่ใจว่าจะมีความปลอดภัยหรือไม่

ยิ่งใกล้วันสงกรานต์ซึ่งรัฐบาลโปรโมตให้เป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่เพื่อหวังดึงนักท่องเที่ยวก็คงไม่ได้ตามเป้าแน่

ที่หนักไปกว่านั้นก็คือ นโยบาย ของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯที่ประกาศขึ้นภาษีประเทศต่างๆที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ

ของไทยโดนไป 36%!

พูดง่ายๆ ขัดใจเป็นโดน ไม่ว่าประเทศไหนก็ตาม

แม้การขึ้นภาษีของสหรัฐฯหลายประเทศก็โดนเหมือนกัน แต่ของไทยดูเหมือนมากสักหน่อย ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่าได้ตั้งทีมงานเพื่อเจรจาแล้ว

ย้ำว่าไทยไม่น่าจะกระทบมากนัก

“ทรัมป์” นั้นเป็นพ่อค้า ทุกอย่างต้องได้กำไร ดังนั้น การเจรจาต่อรอง

ต่างๆ เขาต้องคิดและวางแผนเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้า การเมือง ความมั่นคง ภูมิรัฐศาสตร์

เขาสามารถเลือกได้ทุกช่องทางเพื่อต่อรอง

เจรจาให้ดีอย่าเสียท่าเขาก็แล้วกัน เพราะถ้าหากไทยเสียเปรียบมาก แสดงว่ารัฐบาลไม่มีความสามารถที่จะเจรจาให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุด

นี่คือสิ่งที่น่าห่วงเป็นอย่างยิ่ง!

ว่ากันถึงรัฐบาลที่เจอหลายเรื่องรุมเร้าก็พยายามที่จะเดินหน้าในสิ่งที่เป็นเข็มมุ่งของ “เพื่อไทย” โดยเฉพาะการออกกฎหมาย “กาสิโน”

ที่เปรียบเหมือน “ยาวิเศษ” ที่จะชุบชีวิตรัฐบาล!

...

“แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้พ่อ

แต่กฎหมายฉบับนี้มีปัญหาที่เกิดกระแสคัดค้านค่อนข้างสูงจากทุกวงการโดยมีม็อบ “ขาประจำ” ที่จุดพลุรออยู่แล้ว

สภาฯจะมีการพิจารณาในวันที่ 9 เม.ย.68 ก่อนปิดสมัยประชุมเพียงแค่วันเดียว

เป้าหมายแรกก็คือให้ผ่านวาระแรก ตั้ง กมธ.แปรญัตติค้างเอาไว้เพื่อพิจารณาต่อสมัยประชุมต่อไป

เพราะฝ่ายคัดค้านหวังว่าจะทำให้กระแสคัดค้าน “จุดติด” หากรัฐบาล ไม่ถอยก็ต้องม็อบลงถนน ทำให้เกิดปัญหาการเมืองที่มีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลโดยตรง

ที่สำคัญก็คือ สว.(สีน้ำเงิน) อันเป็นกลไกอำนาจของ “ภูมิใจไทย” ที่กำลังแสดงตัวเป็นหอกข้างแคร่อีกครั้งหนึ่ง

แม้ “แพทองธาร” กับ “เนวิน ชิดชอบ” จะพยายามเชื่อมต่อสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น

อ่านเกมอย่างนี้แล้วเรื่องนี้อาจจะเป็นชนวนใหญ่ที่ทำให้รัฐบาลเกิดปัญหาขัดแย้งภายในระหว่าง “เพื่อไทย” กับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ โดยเฉพาะ “ภูมิใจไทย” ได้

ยิ่งถ้ากระแสคัดค้าน “จุดติด”!

แรงกดดันในรัฐบาลเองและนอกรัฐบาลก็อาจจะทำให้บานปลายได้ เว้น

แต่ “เพื่อไทย” จะถอยชั่วคราวพักเบรกเรื่องนี้เอาไว้ก่อน

เพราะยังไม่ถึงเวลา!

ลิขิต จงสกุล

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม