สังเวยแล้ว 1 ศพ ติด “เชื้อแอนแทรกซ์” จังหวัดมุกดาหารเปิบ–เนื้อดิบ เสี่ยง 247 ราย ให้ยาต้านโรค อีกหนึ่งหัวข้อข่าวร้อนๆส่งท้ายเดือนเมษายน 2568

ข้อมูลจากอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า “โรคแอนแทรกซ์” เป็นโรคติดต่อร้ายแรงจากสัตว์สู่คน เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis สปอร์ของเชื้อมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม

ที่สำคัญ...สามารถก่อให้เกิดโรคได้ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี

แหล่งรังโรคหลักของเชื้อ คือ สัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ สามารถแพร่เชื้อสู่คนได้โดยตรง การติดเชื้อในคนส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น การชำแหละเนื้อสัตว์ การบริโภคเนื้อสัตว์ดิบหรือปรุงไม่สุก หรือการสัมผัสหนังสัตว์หรือขนสัตว์ที่มีเชื้อ

หลังรับเชื้อ 1–5 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง มีแผลคล้ายบุหรี่จี้ หายใจขัด หายใจลำบาก หากมีอาการรุนแรงมีโอกาสเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 80

กรณีที่เกิดขึ้นที่จังหวัดมุกดาหาร ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค กรมควบคุมโรค ร่วมกับทีมสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จ.อุบลราชธานี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร และทีมปศุสัตว์ได้ลงพื้นที่สอบสวนโรคและให้ยาในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 247 คน (กลุ่มผู้ชำแหละและกินเนื้อโคดิบ)

...

ขณะที่เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์มุกดาหารลงพื้นที่ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณโดยรอบจุดชำแหละเนื้อวัวบ้านโคกสว่าง ต.เหล่าหมี อ.ดอนตาล เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรค

“แอนแทรกซ์ที่เราเห็น...แท้จริงแล้วเป็นตัวที่อยู่ตามธรรมชาติหรือเป็นตัวที่ปรับแต่ง ทั้งนี้ ตามที่ทราบกันดีมีการสร้างเป็นอาวุธชีวภาพ ตั้งแต่สมัยรัสเซีย จนกระทั่งถึงในประเทศต่างๆ

และ...ถ้าเป็นตัวที่ปรับแต่ง ย่อมทำให้เก่งขึ้นและดื้อต่อยารักษาด้วยหรือไม่?”

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ “หมอดื้อ” และ นพ.ดร.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดประเด็นชวนให้คิด

นี่คืออีกประเด็นที่น่ากลัวเกี่ยวกับ “โรคแอนแทรกซ์” ในปัจจุบัน

ด้วยว่าตามธรรมชาตินั้น “แอนแทรกซ์” เป็นโรคร้ายแรงแต่ไม่ถึงกับน่าตระหนกเพราะติดต่อยาก จะต้องติดจากการสัมผัสกับเชื้อโรคโดยตรงเท่านั้น ได้แก่ จากการกินหรือชำแหละสัตว์ที่ติดเชื้อ การหายใจเอาสปอร์ของเชื้อเข้าไปโดยตรง ดังที่เคยมีข่าวว่ามีการส่งจดหมายจากผู้ก่อการร้ายที่มีผงสปอร์ของเชื้ออยู่

คนเลี้ยงสัตว์หายใจเอาสปอร์ของเชื้อที่อยู่ตามขนสัตว์หรือสะเก็ดผิวหนังสัตว์ที่ติดเชื้อ บุคลากรในห้องปฏิบัติการเผลอสูดเข้าไปจากความผิดพลาดในห้องแล็บ

แต่...จะไม่ติดจาก “คนสู่คน” ทางลมหายใจแบบโควิด ไข้หวัดใหญ่ และโรคจากไวรัสอีกหลายโรค

ความที่ “แอนแทรกซ์” เป็นโรคร้ายแรง เมื่อติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก (50-90%) ร่วมกับการที่เชื้ออยู่ในรูปของสปอร์ที่มีความทนทานสูง จึงเป็นหนึ่งในโรคที่ถูกนำมาทำเป็นอาวุธชีวภาพตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พัฒนาความสามารถในการติดต่อและรุนแรงขึ้นด้วยการเพิ่มความสามารถในการกระจายความรุนแรง

เพื่อให้สามารถติดต่อทางลมหายใจได้และดื้อยาปฏิชีวนะมากขึ้น ดังที่เห็นจากข้อมูลในปัจจุบันว่าดื้อต่อ penicillin, cephalosporin, aztreonam มากขึ้น

น่าสนใจว่า...ห้องปฏิบัติการทางทหารในหลายประเทศมีการสะสมและเพาะเลี้ยงเชื้อ “แอนแทรกซ์” อยู่เสมอ ซึ่งประชาชนมักจะไม่รู้จนกว่าจะเกิดปัญหาขึ้นมา

พลิกแฟ้มในวันวาน วันที่ 25 พ.ค.2561 ถังเก็บน้ำจากห้องแล็บสถาบันวิจัยทางการแพทย์ด้านโรคติดเชื้อของสหรัฐอเมริกา (US Army Medical Research Institute of Infectious Diseases) ที่ Fort Detrik, Maryland มีการพ่นกระจายของน้ำส่วนบนถังที่ขึ้นสนิมปริมาณ 50,000 แกลลอน

...

แรงดันที่สูงนี้ทำให้มีการพ่นข้ามกำแพงออกมา...น้ำที่พ่นออกมานี้มาจากถังที่รับน้ำจากห้องปฏิบัติการทดลองเกี่ยวกับเชื้ออีโบล่า, แอนแทรกซ์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ชั่วโมงโดยไม่มีระบบเตือนภัยบอก เหตุผลชี้แจงต่อมาก็คือเนื่องจากไฟดับ ทำให้ระบบทั้งหมดล้มเหลวทั้งเรื่องปั๊มน้ำและแจ้งเตือนภัย

...มีท่อระบายน้ำในบริเวณใกล้เคียงรับน้ำที่พ่นออกมาเข้าสู่ระบบน้ำเสียของเมือง ดังนั้น...เราไม่มีทางทราบว่า “แอนแทรกซ์” ที่เราเจอในปัจจุบันรวมถึงในอนาคต เป็น “แอนแทรกซ์” จากวิวัฒนาการตามธรรมชาติหรือว่าผ่านการตัดต่อพันธุกรรมโดยเพิ่มความสามารถในการกระจายความรุนแรง (gain-of-function) มา

ประเด็นสำคัญมีว่า “ประเทศไทย” ไม่พบการระบาดของโรคแอนแทรกซ์มานานมากแล้ว

อ.สพ.ญ.ดร.วรรษวรรณ ประภาสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสัตวแพทย์สาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร หรือ อาจารย์ฝ้าย บอกว่า ความอันตรายน่ากลัวของเชื้อก็คือ

ถ้าพื้นที่ไหนเคยมีการระบาด ตัว “เชื้อแอนแทรกซ์”...ในส่วนที่ก่อโรคก็อันตรายแล้ว แต่...เชื้อหากแฝงตัวอยู่ในสิ่งแวดล้อมจะสร้างตัวเองเป็นสปอร์ แล้วก็อยู่ตามดิน หญ้า...เหมือนจำศีลเก็บตัวเองอยู่ได้นานเป็นสิบๆปีเลยทีเดียว

...

ถ้าบังเอิญว่าเราเลี้ยงวัว ควายแล้วไปกินหญ้าที่มีสปอร์เชื้อแอนแทรกซ์เข้าไปในร่างกาย ได้รับสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมก็จะเพิ่มจำนวนที่ได้รับ เจริญเติบโต แล้วก็ก่อโรคในสัตว์...การติดต่อในคน ก็เมื่อเราไปเลี้ยงสัตว์ พอสัตว์ติดเชื้อก็จะมีอาการแล้วก็เสียชีวิตโดยฉับพลัน ตายแบบกะทันหัน นี่คือสิ่งที่ต้องสังเกต

สปอร์เชื้อแอนแทรกซ์...มีความทนทานสูงสามารถอยู่ได้จำศีลเก็บตัวรอสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมก็เจริญเติบโต

ขึ้นมาได้ หากมีการระบาดแล้วจะเป็นเชื้อที่น่ากลัวและน่ากังวลใจอย่างยิ่ง.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม