ขายของยาก ปลดคนเงียบ เกิดอะไรขึ้นกับ “เศรษฐกิจไทย” เปิดแผลเป็นภาคธุรกิจ และ ครัวเรือนไทย

Economics

Thai Economics

Tag

ขายของยาก ปลดคนเงียบ เกิดอะไรขึ้นกับ “เศรษฐกิจไทย” เปิดแผลเป็นภาคธุรกิจ และ ครัวเรือนไทย

Date Time: 9 พ.ค. 2568 10:28 น.

Video

ตัวตนใหม่ Kodak ฟื้นจากความตาย ตอนนี้กลายเป็นธุรกิจอะไร ? | Digital Frontiers EP.33

Summary

  • ขายของยาก - ปลดคนเงียบ เกิดอะไรขึ้นกับ “เศรษฐกิจไทย ” เปิดแผลเป็นเรื้อรังซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างพบ ข้อมูลเชิงลึก ยอดธุรกิจเปิด-ปิดน่าห่วง ครัวเรือนไทย หาเงินเท่าไหร่ ก็ไม่พอใช้ เมื่อรายได้ฟื้นตัวช้าหลังโควิดช้า กระทบผู้บริโภคกลุ่มใหม่ เศรษฐกิจซึม แบบกดทับสองชั้น ทั้งฝั่ง "ผู้ผลิต" และ "ผู้บริโภค" อ่อนแอไปพร้อมกัน

Latest


“ช่วงนี้ขายของยากมากเลย”

ไม่ใช่แค่คำบ่นประจำวันของแม่ค้าตลาดนัด แต่เป็นเสียงสะท้อนที่คล้ายกัน ตั้งแต่กิจการขนาดเล็ก พ่อค้าสตรีทฟู้ด ไปจนถึง เจ้าของร้านอาหาร เชฟชื่อดังระดับประเทศ แม้แต่นักลงทุน เทรดหุ้นบนตึกสูง ที่เริ่มรู้สึกว่า "เงินมันฝืด" มากกว่าที่ตัวเลข GDP จะบอก

เศรษฐกิจไทยในปี 2568 นี้ เริ่มส่งสัญญาณเตือนออกมาเรื่อยๆ จากยอดขายกิจการห้างร้านในหลายธุรกิจ ที่เผยว่า บางสาขาหายไปกว่า 30-50% 

ขณะเครดิตบูโร อัปเดตข้อมูลล่าสุด ว่า หนี้ครัวเรือนไทยยังพุ่งแตะระดับ 16.2 ล้านล้านบาท ไม่นับรวม คนจำนวนไม่น้อยถูกค้าง “เงินเดือน” ถูกให้ออกจากงานอย่างเงียบ ๆ แบบไม่ทันตั้งตัว

อีกทั้งยังเกิดกระแสไวรัล แชร์ต่อ โพสต์ของ “เบิร์ท มานิตย์“ นักลงทุนรุ่นใหม่ ที่ออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจไทยดิ่งเหว เข้าสู่ Survival Mode 100% แล้ว จนตัวเอง ตัดใจขายรถ Porsche ทิ้ง ยอมขาดทุน 4 ล้านบาท เพื่อลดรายจ่าย 

ด้านนักวางแผนการเงินเตือนให้ “เตรียมแผนการเงินให้พร้อม” เพราะผลกระทบจากสงครามการค้ารอบใหม่ โดยเฉพาะนโยบายภาษีของทรัมป์ อาจซัดเศรษฐกิจไทยรอบใหญ่อีกครั้งในครึ่งปีหลัง จนมีคนเปรียบเปรย “เศรษฐกิจไทย” ตอนนี้ว่าหมือนหม้อที่ไฟลุกอยู่ข้างใต้ แต่ฝาไม่เปิดออก มองเผิน ๆ เหมือนไม่ร้อนแรง แต่จริง ๆ แล้ว กำลัง “เผาจริง”

กลายเป็นคำถามสำคัญ เกิดอะไรขึ้นกับ “เศรษฐกิจไทย” เวลานี้  บนความจริงที่ว่า เราเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19ได้ช้า อยู่ในกลุ่มท้ายๆ ของโลก (ลำดับ 72 จาก 81 ประเทศ)

Thairath Money เจาะบทวิเคราะห์ของ SCB EIC ซึ่งเผยว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทย เต็มไปด้วย “แผลเป็น” หลังโควิด-19 นับตั้งแต่เผชิญ วิกฤติครั้งแรก ช่วงปี 2563 ซึ่งทำให้ โอกาสทางเศรษฐกิจของไทยหายไปมากถึง 1 ใน 3 ของมูลค่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 หรือราว 6 ล้านล้านบาท 

สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบจากโควิดรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคครัวเรือน รวมถึงภาคการคลัง จนเกิดรอยแผลเป็นซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะแผลเป็นในภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน ซึ่งกำลังปรากฎออกมาเป็น “ความเปราะบาง” ในตอนนี้ แยกแยะให้เห็นภาพ ดังนี้ 

“แผลเป็น” ภาคธุรกิจไทย

1. ธุรกิจฟื้นไม่เท่ากัน K-shape Recovery ชัดเจน

  • มีข้อมูลพบว่า ธุรกิจขนาดเล็กและย่อย (Micro & Small) มีจำนวนกว่า 90% ของทั้งระบบ แต่สร้างรายได้รวมเพียง 16%
  • รายได้ของธุรกิจขนาดใหญ่ (Large) ปี 2566 ฟื้นกลับมาสูงกว่าก่อนโควิด (ปี 2562) ถึง 9.2%
  • ในทางกลับกัน ธุรกิจขนาดเล็ก-ย่อย รายได้ ยังติดลบ 1.5% เทียบปี 2562
    สะท้อนว่าธุรกิจรายย่อยยัง “ย่ำแย่” แม้เศรษฐกิจดูเหมือนฟื้นตัว

2. “บริษัทผีดิบ” เพิ่มขึ้น ไม่โตแต่ยังไม่ตาย

  • ปี 2566 มีบริษัทผีดิบ (Zombie Firms) 5.8% ของธุรกิจทั้งหมด (สูงขึ้นจาก 5.5% ในปี 2562)
  • 78% ของบริษัทผีดิบ เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดย่อยและขนาดเล็ก

3. แนวโน้มเปิด-ปิดกิจการชี้สัญญาณลบ

  • ปี 2567 ธุรกิจเปิดใหม่เติบโตเพียง 2.7% YoY (ลดลงจากปี 2566 ที่โต 11.5%)
  • ต้นปี 2568 (2 เดือนแรก) ยอดเปิดธุรกิจหดตัว -5.1% YoY เป็นการหดครั้งแรกในรอบ 2 ปี
  • ธุรกิจที่เปิดใหม่น้อยลงมาก: ขนส่ง, ก่อสร้าง, ค้าปลีก
  • ธุรกิจที่ปิดกิจการพุ่งขึ้น 16.9% YoY
  • กลุ่มที่ปิดเยอะ: อสังหาฯ, สุขภาพ, ค้าปลีก


4. ภาคการผลิตเริ่มถอย

  • โรงงานเปิดใหม่ลดลงต่อเนื่อง 4 ปีติด ตั้งแต่โควิด
  • โรงงานที่ปิดกิจการ เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า เทียบกับปี 2563

“แผลเป็น”ของภาคครัวเรือนไทย

1. รายได้ครัวเรือนฟื้นช้า – หนี้ยังไม่ลด

1 ใน 3 ของครัวเรือนที่มีหนี้ ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
กลุ่มฟื้นตัวช้า คือ รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 30,000 บาท ครัวเรือนที่อาจฟื้นตัวภายใน

  • 3-5 ปี: มี 17%
  • ไม่เกิน 3 ปี: มี 25%
  • ภายใน 1 ปีหรือฟื้นตัวแล้ว: มี25%


ส่วนกลุ่มรายได้ไม่เกิน 50,000-60,000 บาท และทำงานใน “ภาคบริการ”
จะฟื้นตัวช้ากว่ากลุ่มอื่น เพราะได้รับผลกระทบหนักจากโควิด

"ภาคเศรษฐกิจหลักที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด ทั้งจากธุรกิจท่องเที่ยวที่หดตัว และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องต้องหยุดชะงักในช่วงการระบาด สาเหตุหลักเพราะไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวสูงเชื่อมโยงการจ้างงานแรงงานจำนวนมาก" 

2.ตลาดแรงงานฟื้นไม่ทั่วหน้า

  • ปริมาณแรงงานกลับมาเกือบปกติ แต่ คุณภาพรายได้ยังต่ำ
  • ค่าจ้างเฉลี่ยโตแค่ 1.3% ต่อปีในปี 2567(ก่อนโควิดเคยโตเฉลี่ย 3.3% ต่อปี)
  • เด็กจบใหม่ ว่างงานเพิ่มเป็น 5.6% สูงกว่าก่อนโควิด (5.35%)
  • แรงงานนอกระบบพุ่ง คิดเป็น 53% ของแรงงานทั้งหมด (21 ล้านคน)
  • ส่วนใหญ่ใน “ภาคบริการ/ค้าขาย” รายได้เฉลี่ยแค่ 8,513 บาท/เดือน
    ต่ำกว่าระบบเกือบเท่าตัว (16,202 บาท)

3.หนี้ครัวเรือนยังสูง แม้จะเริ่มลดลงบ้าง

  • ไตรมาส 3/2567 : หนี้ครัวเรือนต่อ GDP อยู่ที่ 89%
  • แม้จะลดลงต่อเนื่อง 3 ไตรมาส แต่ยังสูงกว่าก่อนโควิด (84%)
  • NPL (หนี้เสีย) เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 9%เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2567 สะท้อนว่า“ลูกหนี้เสี่ยงผิดนัดชำระยังเยอะ”
  • ธนาคาร ปล่อยสินเชื่อยากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรายย่อย ทำให้การบริโภคภาคครัวเรือนยังถูกกดดันอย่างหนัก

ภาพรวมทั้งหมดนี้ อาจชี้ไปยัง "ภาวะเศรษฐกิจซึม" แบบกดทับสองชั้น ชั้นแรก คือ ภาคธุรกิจที่ไม่สามารถขยายกิจการ หรือลงทุนเพิ่ม ชั้นที่สอง คือ ครัวเรือนที่ไม่สามารถจับจ่าย ใช้หนี้ หรือเก็บเงินได้ ความซึมของเศรษฐกิจจึงเป็นผลพวงจากการที่ทั้งฝั่ง "ผู้ผลิต" และ "ผู้บริโภค" ต่างก็อ่อนแรงไปพร้อมกัน

สุดท้ายแล้ว เมื่อเศรษฐกิจทั้งประเทศยังโอนเอนไม่หยุด ทั้งภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนต่างเต็มไปด้วย “แผลเป็น” ที่ยังรักษาไม่หาย คำถามใหญ่ที่ตามมา คือ เศรษฐกิจไทยจะเดินหน้าไปทางไหน และ ประชาชนอย่างเรา ๆ จะไปทางไหนได้บ้าง ในสมรภูมิที่เปราะบางขนาดนี้

ที่มา : SCB EIC 

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

อุมาภรณ์ พิทักษ์

อุมาภรณ์ พิทักษ์
เศรษฐกิจ การเงิน ลงทุน และ อสังหาริมทรัพย์


OSZAR »