• อัลไซเมอร์ เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาหายขาดได้ แต่หากคนในครอบครัวคอยสังเกตความผิดปกติของผู้สูงวัยได้เร็ว รวมถึงการดูแลใส่ใจจะช่วยควบคุมโรคอัลไซเมอร์ในระยะแรก ชะลอให้เกิดโรคช้าลง หรืออาจไม่เกิดโรคเลยได้ 
  • ผลการศึกษาพบว่าการมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี ได้แก่ ออกกำลังกาย อาหาร อารมณ์  และการนอนหลับที่ดี ช่วยปกป้องสมองจากความเสื่อม หรือชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ถึง 40%  
  • การตรวจโรคอัลไซเมอร์สามารถทำได้หลายปีก่อนที่ผู้ป่วยจะเริ่มแสดงอาการ ช่วยตรวจค้นหาก่อนที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อมในอนาคต และชะลอการดำเนินโรคของภาวะสมองเสื่อมที่เกิดขึ้นแล้วให้ช้าลงได้  

แม้อายุที่มากขึ้นจะเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ เนื่องจากความเสื่อมของทุกอวัยวะในร่างกาย รวมถึงสมอง แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้สูงอายุทุกคนจะต้องเป็น “อัลไซเมอร์”   

อัลไซเมอร์ เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากคนในครอบครัวคอยสังเกตความผิดปกติของผู้สูงวัยในบ้านได้เร็ว ตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ รวมถึงการดูแลใส่ใจจากลูกหลาน จะช่วยควบคุมโรคในระยะแรก ชะลอให้เกิดโรคช้าลง หรืออาจไม่เกิดโรคเลยก็ได้

...

สัญญาณเตือนอัลไซเมอร์

อาการแรกเริ่มของผู้ป่วยอัลไซเมอร์คือการสูญเสียความจำระยะสั้น ซึ่งเป็นอาการใกล้เคียงกับอาการขี้หลงขี้ลืมตามธรรมชาติในผู้สูงอายุ แต่เมื่อเวลาผ่านไปผู้ป่วย 80-90% จะมีอาการทางพฤติกรรมหรือทางจิตร่วมด้วย

อาการของโรคอัลไซเมอร์จะดำเนินไปเรื่อยๆ กินเวลาหลายปี โดยจะแสดงอาการตามระยะเสื่อมของสมอง 3 ระยะ ดังนี้

  • ระยะเริ่มต้น หลงลืม ถามซ้ำๆ พูดซ้ำๆ ในเรื่องเดิม อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย แต่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้
  • ระยะกลาง ความจำแย่ลง สับสน ลืมวันเวลา นอนไม่หลับ และที่พบบ่อยคือ หลงทาง บางครั้งพบอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย หรือเกิดภาวะซึมเศร้า
  • ระยะท้าย เริ่มตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างน้อยลง เกิดภาพหลอน เรียกร้องความสนใจ หรือก้าวร้าวขึ้น อาการทางกาย เช่น รับประทานอาหารน้อยลง เคลื่อนไหวช้า หรือไม่สามารถเดินเองได้ ปัสสาวะหรืออุจจาระเล็ด เนื่องจากกลั้นไม่อยู่ และสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน ภูมิคุ้มกันค่อยๆ อ่อนแอลง นำไปสู่การติดเชื้อและเสียชีวิต

วิธีป้องกันพ่อแม่จากโรคอัลไซเมอร์

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรคและวางแผนการดูแล เนื่องจากโรคอัลไซเมอร์ไม่ใช่เพียงการสูญเสียความทรงจำ แต่ยังกระทบต่ออารมณ์ ความรู้สึก การสื่อสาร อีกทั้งยังเป็นโรคที่กินระยะเวลายาวนานนับสิบปี ลูกหลานจึงต้องวางแผนการดูแลที่ครอบคลุม ทั้งด้านการเงิน ที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อม โดยการศึกษาและทำความเข้าใจโรค เพื่อค้นหาวิธีชะลอโรค รวมถึงสามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุด้วยวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี ผลการศึกษาพบว่าการมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีช่วยปกป้องสมองจากความเสื่อม หรือชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ถึง 40% ดังนี้
  1. อาหาร สนับสนุนให้คุณพ่อคุณแม่ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น พบมากในผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่และผักหลากสี ไขมันดี ช่วยป้องกันภาวะอัลไซเมอร์ไม่ให้เกิดขึ้นเร็วเกินไป จากน้ำมันมะกอกและโอเมก้า 3 จากปลาน้ำลึก คาร์โบไฮเดรต เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่อุดมด้วยวิตามินบี ช่วยบำรุงระบบประสาท รวมถึงช่วยให้ผ่อนคลาย และสารโคลิน เพิ่มความสามารถในการทำงานของระบบประสาทและสมอง รวมถึงช่วยในการกำจัดไขมันและคอเลสเตอรอลออกจากตับ พบในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ และถั่ว
  2. ออกกำลังกาย ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปยังสมอง ส่งผลดีต่อสุขภาพของเซลล์สมองมีงานวิจัยพบว่า คนอายุมากกว่า 50 ปี ที่ออกกำลังกาย ทั้งแบบแอโรบิกและแบบแรงต้าน ช่วยชะลอสมองเสื่อมได้ โดยให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างน้อย 30 นาที 2 ครั้ง/สัปดาห์
  3. อารมณ์ มอบความรัก ความใกล้ชิด และพูดคุยกับพ่อแม่อยู่เสมอ ความเข้าใจของคนในครอบครัว รวมถึงการดูแลเอาใจใส่ พูดคุยกัน ช่วยให้ผู้สูงอายุมีความสุข กรณีไม่มีเวลา การทักทายในไลน์ครอบครัว ส่งภาพสวัสดี ช่วยให้ผู้สูงอายุฝึกสมอง จดจำวัน เวลาได้
  4. การนอนหลับ ดูแลจัดการสิ่งแวดล้อมภายในห้องนอนให้เหมาะกับการนอนหลับที่ดี ขณะนอนหลับสนิทสมองจะมีกระบวนการกำจัดเศษชิ้นส่วนเทาและอะไมลอยด์ (ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์) สิ่งสำคัญคือต้องเป็นการหลับที่มีคุณภาพและได้ปริมาณที่เหมาะสมตามวัย
  • ชวนพ่อแม่เล่นเกม
    การวิจัยบ่งชี้ว่าเกมฝึกสมองสามารถช่วยชะลอโรคอัลไซเมอร์ให้เกิดช้าลง สิ่งสำคัญคือต้องเลือกเกมที่เพิ่มความท้าทายและความหลากหลายอย่างต่อเนื่อง หากเล่นแต่เกมเดิมๆ สมองอาจไม่ถูกท้าทาย และเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ
  • เพิ่มงานอดิเรก ชวนผู้สูงวัยทำกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆ เช่น อ่านหนังสือ เล่นดนตรี หรือทำกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มการใช้สมอง
  • เข้าสังคมหรือร่วมทำกิจกรรมสันทนาการ การได้พูดคุยหรือเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม นอกจากจะทำให้ผู้สูงอายุมีความสดชื่นแล้ว ยังช่วยให้ต้องใช้ความคิดในการตั้งคำถาม ตอบข้อสงสัยและแลกเปลี่ยนความคิด
  • ร่วมมือกันควบคุมโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว หรือปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ทั้งนี้ลูกหลานสามารถพาผู้สูงวัยเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงพบแพทย์ตามนัดสำหรับโรคประจำตัวอื่นๆ ดูแลการรับประทานยา เพื่อให้โรคอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้
  • พาคุณพ่อคุณแม่เข้ารับการตรวจเพื่อทำนายโรคอัลไซเมอร์

...

การตรวจโรคอัลไซเมอร์สามารถทำได้หลายปี ก่อนที่ผู้ป่วยจะเริ่มแสดงอาการ ช่วยตรวจค้นหาก่อนที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อมในอนาคต และชะลอการดำเนินโรคของภาวะสมองเสื่อมที่เกิดขึ้นแล้วให้ช้าลง

ในอดีต มีการใช้การทดสอบ PET scan หรือการเจาะตรวจน้ำไขสันหลังเพื่อตรวจหาระดับโปรตีนที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของโรคอัลไซเมอร์อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนที่เรียกว่า “โปรแกรม เจาะเลือดเพื่อตรวจหาโรคอัลไซเมอร์แฝง P-TAU” ซึ่งช่วยให้การทดสอบในห้องปฏิบัติการสามารถวัดระดับโปรตีนก่อโรคในตัวอย่างเลือด ทำให้การทดสอบง่ายขึ้นมากและเจ็บปวดน้อยลง รู้ผลภายใน 90 วัน สามารถทำนายการเกิดโรคในอนาคต ได้ล่วงหน้า 10 ปี และผลวิเคราะห์แม่นยำถึง 94% นอกจากนี้ยังสามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ ถึงวิธีป้องกันสุขภาพสมองจากภาวะอัลไซเมอร์ ผ่านการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลเพิ่มเติม ที่สามารถช่วยรักษาสุขภาพสมองได้

รายละเอียดการตรวจ

ประโยชน์ของการตรวจอัลไซเมอร์

  • ป้องกันการเกิดภาวะสมองเสื่อมในบุคคลที่ไม่มีอาการ
  • การตรวจหาและวินิจฉัยโรคสมองเสื่อมในอนาคตตั้งแต่เนิ่นๆ
  • ชะลอการลุกลามของภาวะสมองเสื่อมในผู้ที่มีอาการอยู่แล้ว 

วิธีการตรวจโรคอัลไซเมอร์

การตรวจประกอบด้วย 

  • การวัดระดับโปรตีน phosphorylated tau (phospho-tau) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์
  • การวัดระดับโปรตีน neurofilaments เพื่อตรวจจับความเสียหายของสมองและวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ โรคสมองเสื่อมที่แฝงอยู่ หรือการสูญเสียการทำงานของสมอง ช่วยให้สามารถพยากรณ์โรคล่วงหน้า
  • การวัดระดับโปรตีน glial fibrillary acidic protein (GFAP) เพื่อระบุการอักเสบของสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ที่แฝงอยู่
  • การวิเคราะห์ยีน APOE ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์

ขั้นตอนการตรวจ

  • ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญก่อนให้บริการ
  • การตรวจคัดกรองทางพันธุกรรมโดยการเจาะเลือด
  • รอผลการทดสอบ
  • การประเมินผลการวินิจฉัยโดยนักประสาทวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูเพื่อให้คำปรึกษาต่อไป

หลังการตรวจ

ผลการตรวจจะบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในสมอง ทำให้สามารถวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ โรคสมองเสื่อมแฝง และการสูญเสียสมองในปัจจุบันได้  โดยสามารถพยากรณ์โรคได้ถึง 5-10 ปี ซึ่งช่วยในการป้องกันหรือชะลออาการสมองเสื่อม รวมถึงการเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ในอนาคต

แพทย์ผู้ชำนาญการด้านระบบประสาท พร้อมให้การประเมินและคำแนะนำเพิ่มเติมในกรณีที่ผลการทดสอบผิดปกติ สำหรับกรณีที่ผลการตรวจเป็นปกติและไม่มีความเสี่ยงต่อโรค แพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและเวชศาสตร์ฟื้นฟูจะช่วยวางแผนการใช้ชีวิตและให้คำแนะนำตามหลักความเป็นอยู่ที่ดี 4 ประการ ได้แก่

...

  • ความเป็นอยู่ที่ดีทางกายภาพ ด้วยการออกแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อสภาวะสุขภาพที่ดีที่สุดและมีความยั่งยืน รวมถึงการประเมินความพร้อมของหัวใจและสมรรถภาพทางกายก่อนเริ่มออกกำลังกาย และวางแผนการออกกำลังกายส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง
  • ความเป็นอยู่ที่ดีด้านอาหาร รับคำแนะนำด้านโภชนาการโดยนักโภชนาการที่มีประสบการณ์ เพื่อช่วยเพิ่มสุขภาพโดยรวม ปรับให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล
  • ความเป็นอยู่ที่ดีด้านอารมณ์ ทีมผู้เชี่ยวชาญดูแลให้คำปรึกษาด้านอารมณ์และสุขภาพจิต รวมถึงวิเคราะห์ผลกระทบของความเครียดในชีวิตประจำวัน
  • ความเป็นอยู่ที่ดีด้านการนอน แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอน เช่น นอนไม่หลับ คุณภาพการนอนหลับที่ไม่ดี และการนอนกรน โดยการรักษาแบบกำหนดเป้าหมายเฉพาะบุคคล รวมถึงการทดสอบภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การฝังเข็ม และอื่นๆ

เชื่อว่าลูกหลานทุกคนคงไม่ต้องการเห็นคุณพ่อคุณแม่หรือผู้สูงอายุในครอบครัวต้องประสบปัญหาเผชิญกับโรคอัลไซเมอร์ การป้องกันโรคอัลไซเมอร์เบื้องต้น สามารถทำได้ด้วยการดูแลสุขภาพกายให้แข็งแรง หมั่นตรวจเช็กสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ควรอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้

นอกจากนี้ไม่ควรขาดเรื่องการดูแลสุขภาพใจ ไม่สร้างความเครียด ส่งเสริมให้ผู้สูงวัยมีจิตใจเบิกบาน และสิ่งสำคัญคือการเข้ารับการตรวจเพื่อทำนายโรคอัลไซเมอร์ รวมถึงรับคำแนะนำหลักการความเป็นอยู่ที่ดี

ขอบคุณข้อมูลจาก นายแพทย์ชัยพร เรืองกิจ อายุรแพทย์ด้านระบบประสาท โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท