เข้าสนามวันฉัตรมงคล เนื่องในวันบรมราชาภิเษก ซึ่งเป็นช่วงหยุดยาวอีกแล้ว แต่ตามศูนย์พระใหญ่ๆก็มีนักนิยมพระไปชุมนุม และดูการถ่ายทอดพระราชพิธีฉัตรมงคล ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปในการพระราชพิธีตั้งแต่ ๒ พ.ค. จนวันนี้
ได้เห็นพระราชประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณ ตามหลักฐานในหลักศิลาจารึก พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ว่า “ในสมัยสุโขทัยมีพิธีต้อนรับประมุขของแผ่นดินอย่างมโหฬาร ตั้งแต่ที่พ่อขุนผาเมืองอภิเษกพ่อขุนบางกลางหาวขึ้นปกครองเมืองสุโขทัย”
ในสมัยอยุธยา ก็มีหลักฐานในพงศาวดารว่า เมื่อเปลี่ยนองค์พระมหากษัตริย์ทั่วทั้งเมืองได้จัดพิธีเฉลิมฉลองทั้งพระนคร และมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ก็โปรดเกล้าฯให้ตั้งคณะกรรมการสอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ให้ใช้ยึดถือเป็นระเบียบแบบแผนในรัชกาลต่อๆไป ตั้งแต่ พ.ศ.๒๓๙๔ ก็เป็นเวลาถึง ๑๗๔ ปีแล้ว
ดูพระราชพิธีแล้ว ก็ทำให้ซาบซึ้ง อบอุ่นใจ มั่นใจ และดีใจที่ชาติไทยเรามี สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นหลัก เป็นศูนย์รวมจิตใจให้ประเทศชาติดำรงอยู่ได้--ถึงแม้จะมีความแตกแยก เกิดขึ้นบ้างจากกลุ่มคนหิวอำนาจ แต่เมื่อเรายังมี สถาบันกษัตริย์ ก็ทำให้เรื่องร้ายคลี่คลายได้ เพราะพระบารมี

...
ไปดูพระเครื่อง วันฉัตรมงคลกัน องค์แรก คือ พระสมเด็จ พิมพ์ฐานแซม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังฯ กรุงเทพฯ องค์งาม สมบูรณ์ เดิมๆ ทุกจุด แบบพระแท้ดูง่าย ครบเครื่องทั้งฟอร์มองค์ พิมพ์พระ เส้นศิลป์ เนื้อมวลสาร สภาพคราบผิวที่บอกชัด ว่าเป็น พระวัดระฆังฯ ฝั่งเดียว ที่หายากยิ่ง
พระสภาพผ่านใช้ ผิวเนื้อมีริ้วรอยสัมผัสทั้งหน้าหลัง แต่ก็มีคุณภาพขั้นพระแชมป์ ที่นักนิยมพระสมเด็จหากันมาก แต่ยาก เพราะทุกสนามมีคนพร้อมจ่าย มีออเดอร์รอยาว พระเข้าสนามไม่ทันไร ใครเร็วกว่า ตาถึง ก็เปลี่ยนมือทันที--อย่างองค์นี้ ที่ “เสี่ยกบ” ฐิการ ศุภวิรัชบัญชา เพิ่งได้มา ในขณะที่ หลายคนมัวแต่เงื้อง่า คว้าไม่ทัน

องค์ที่สอง พระกำแพง ซุ้มกอ (ดำ) พิมพ์ใหญ่ ไม่มีกนก กรุวัดบรมธาตุ ลานทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร
พระสภาพงามสมบูรณ์จนไม่ต้องบรรยาย มีภาพเป็นพระแชมป์องค์ครูมาแต่อดีตถึงปัจจุบัน ที่ยังหาองค์เทียบชั้น ชิงแชมป์ไม่เจอ
เป็นหนึ่งในพระระดับพรีเมียมในรังของ “โป๊ยเสี่ย” นายไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ ที่จำวัดนิ่งนาน แบบ “มือเดียว”

องค์ที่สาม เป็น พระผงสุพรรณ (ยอดโถ) เนื้อชิน พิมพ์หน้าหนุ่ม วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ที่พบบรรจุโถ ในกรุส่วนบน ตรงยอดองค์พระปรางค์เจดีย์ จึงได้ชื่อ พระสุพรรณยอดโถ และยังเป็น พระผงสุพรรณ พิมพ์เดียว ที่เป็นเนื้อ ชินตะกั่ว
...
พระมีจำนวนน้อย หายากกว่า พระผงสุพรรณโดยเฉพาะองค์งามสมบูรณ์ ที่ได้ชื่อเป็นแชมป์กรุ ซึ่งเข้าวงการครั้งแรก เมื่อ ๔๐ ปีก่อน ก่อนไปจำวัดอยู่ “รังใหญ่” เมืองกาญจนบุรี ราว ๒๐ ปีก่อน--ถึงวันนี้ได้ธุดงค์กลับถิ่น มาจำพรรษากับ เสี่ยดามส์ สุพรรณ

ถัดไปเป็น รูปเหมือนหล่อโบราณ พิมพ์ขี้ตา ๕ ชาย เนื้อโลหะผสมหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดบางคลาน พิจิตร รูปเหมือนพระเกจิฯยอดนิยมอันดับ ๑
สร้างออกเป็น “รุ่นแรก” พร้อมเหรียญหล่อ “จอบเล็ก” โดยวิธีขึ้นหุ่น เทหล่อด้วยฝีมือชาวบ้าน โดยหลวงพ่อเป็นประธาน และอนุญาตให้ชาวบ้านนำโลหะมีค่าเข้าร่วมหล่อ ณ ลานพิธี วัดบางคลาน
องค์นี้ เป็น แชมป์ของพิมพ์ เพราะสวยสมบูรณ์เดิมๆ ทั้งรูปทรง พิมพ์พระ เส้นศิลป์ เนื้อโลหะ สภาพคราบผิว (ขี้เบ้า) จุดตำหนิ ครบแบบ “องค์ครู” ที่หล่อได้ติดเต็ม สมบูรณ์เต็มร้อยมาแต่เดิม
เป็นพระหลักยอดนิยมชั้นดี ที่ “เสี่ยกบ kerry” ฐิการ ศุภวิรัชบัญชา เห็นแล้วรักเลย จึง เจอ จ่าย จบ แล้ว เปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าของทันที

องค์ต่อไป พระปิดตา พิมพ์ปั้น เนื้อผงคลุกรัก หลวงพ่อแก้ว วัดปากทะเล จ.เพชรบุรี ที่ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ฯ สร้างขึ้น ตอนท่านอยู่ที่วัดปากทะเล ก่อนออกธุดงค์ เข้าป่า ขึ้นเขา ข้ามทะเล ไปสร้าง วัดเครือวัลย์ฯ ด้วยปัจจัยที่คนทำบุญบูชา พระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก สุดยอดพระปิดตา อันดับ ๑ จนมีคนตั้งราคาหลักร้อยล้าน
...
หากมองถึงอายุการสร้าง พระปิดตา ที่ท่านสร้างไว้ด้วยรูปแบบที่มีเอกลักษณ์ที่ วัดปากทะเล จะมีอายุสูงกว่า แต่ความนิยมกลับเป็นรอง เพราะสร้างแบบ “แฮนด์เมด” ปั้นขึ้นหุ่นเป็นองค์พระทีละองค์ สร้างไปแจกไป ทำให้ขาดจุดพิจารณาพิมพ์พระมาตรฐาน มีเพียงเนื้อมวลสารกับประวัติให้ตัดสินความเป็น “พระแท้”
แต่องค์นี้ของ เสี่ยฟิล์ม พิศลย์ ร้านถ่ายภาพพระเครื่อง ตลาดชะอำ เจ้าถิ่นพื้นที่ รู้ประวัติมั่นใจ เฝ้าติดตามจนได้มาในราคาเหยียบล้าน ก็รู้สึกว่าแพง แต่พอถ่ายเอกซเรย์พบมีตะกรุดฝังอยู่จึงรู้ว่าคุ้มเกินค่า เอาไปให้สถาบันฯออกใบเซอร์ก็ได้มาเป็นการันตีสบายๆ

ต่อไปคือ พระพุทโธน้อย พิมพ์จัมโบ้ เนื้อผงพุทธคุณ พ.ศ.๒๔๙๔ คุณแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธฯ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ พระพิมพ์เนื้อผงพุทธคุณ ที่เป็นพระเครื่องหนึ่งเดียวที่มีการซื้อขายคล่อง ด้วยราคาหลักล้าน
วงการพระช่วงนี้แม้จะเงียบลง แต่ยังซื้อหากัน แต่ เลือกเฉพาะพระหลัก พระแชมป์--อย่างองค์นี้ ของ เถ้าแก่ ร้านเอกสโตร์ แหลมฉบัง ที่ใช้บูชาติดตัวเพียงองค์เดียว ด้วยเชื่อมั่นว่ามีอานุภาพ “ครอบ จักรวาล”
ลากันด้วยเรื่องปิดท้าย ที่เซียนพระสาย “พระสมเด็จ” นัดไปคุยกันในร้านกาแฟ บนศูนย์พระใหญ่ตามปกติ
ตอนวันหยุดสงกรานต์ มี เสี่ยชัย เจ้าของ พระสมเด็จบางขุนพรหม องค์งาม ซึ่งคล้องพระมาโชว์ คุยเสียงดังว่า พ่อไปเช่าจากวัด ตอนวัดเปิดกรุ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐
เฮียทิ้ว ขอดูแล้วยกนิ้ว บอกว่า แท้ ดูง่าย สวยด้วย แล้วก็เอาพระที่คอตัวเองออกมาอวด บอกของผมเป็นวัดระฆังฯ แต่ชำรุดหัก ซ่อมเก่ามาแต่เดิม
เสี่ยชัย หยิบมาส่องบอกว่า ถึงจะหักก็ยังดีที่เป็นพระแท้ สมัยนี้ขอให้มีอะไรเกี่ยวข้องกับวัดระฆังฯ ก็มีราคาดูอย่างชิ้นเนื้อพระนิดเดียว แกะเป็นองค์พระยังเป็นแสน ภาพถ่ายพระสมเด็จองค์ครู ก็มีคนเอาใส่ตลับ แขวนใช้ติดตัว
ลุงเดชา ฟังถึงตรงนี้ก็เลยล้วงสร้อยคอที่คล้อง แว่นส่องพระ ออกมาอวดบ้างว่า ของผมเป็นแว่นส่องพระ ของเซียนเก่าสายตรง ใช้ส่อง “พระสมเด็จ” มาเยอะ--จึงน่าจะใช้บูชาได้เหมือนกัน เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง
คลิกอ่านคอลัมน์ "สนามพระ" เพิ่มเติม